 
ศิลปะการแสดงของไทย
  
ศิลปะการแสดงของไทย เป็นการแสดงถึงวัฒนธรรมที่มีคุณค่าสูงส่งและแฝงไว้ซึ่งความงดงามของภูมิปัญญาชาวไทย
เชื่อกันว่าศิลปะการแสดงของไทยมีพื้นฐานมาจากอารมณ์ และความเชื่อทางศาสนา
นอกจากนี้การแสดงแต่ละท้องถิ่นก็เป็นการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกและวิถีชีวิตของคนแต่ละท้องถิ่นด้วยเช่นกัน

|
ภาคกลาง ส่วนมากมีการแสดงเป็นเพลงพื้นเมือง รำวง
และละคร เช่น เพลงทรงเครื่อง ลำตัด เพลงฉ่อย รำวง
ลิเก ละครชาตรี รำหย่อย เต้นกำรำเคียว หนังสดหรือโขนสด
ละครชาตรี
มีตัวหลักอยู่ 3 ตัว คือ ตัวพระ ตัวนาง และตัวตลก
เป็นชายล้วน การดำเนินเรื่องจะมีผู้บอกบท ผู้รำหรือผู้เล่นจะร้องตามมีลูกคู่ร้องรับวรรคท้ายๆ
ซ้ำกัน 3 ครั้ง เรื่องที่นำมาแสดงคือเรื่องในวรรณคดี
|
ภาคใต้ ศิลปะการแสดงทางใต้จะแบ่งตามกลุ่มตามเจ้าวัฒนธรรม
คือ กลุ่มไทยพุทธเช่น โนรา หนังตะลุง และกลุ่มไทยยุคมุสลิม
เช่น ซัมเปง รองเง็ง
หนังตะลุง เป็นมหรสพเล่นเงา ผู้เชิดหนังตะลุง
จะร้องและเจรจาอยู่หลังจอโดยใช้แสงไฟส่องให้เงาไปปรากฏบนจอผ้าตามการเชิดของนายหนัง เรื่องที่นิยมแสดงคือ
รามเกียรติ์
|

|

|
ภาคอีสาน
การแสดงส่วนมากจะเน้นเพื่อความสนุกสนานรื่นเริง เช่น เซิ้งรำโปงลาง
หมอลำ ระบำพนมรุ้ง เรือมเพลงโคราช ระบำกะลา
เซิ้ง
แต่เดิมเซิ้งหมายถึงคำร้องที่มีผู้ร้องนำแล้วลูกคู่จะรับกันเป็นจังหวะ
มีการฟ้อนรำตามคำเซิ้ง ต่อมาหมายถึงการรำท่าต่างๆ ด้วยจังหวะที่สนุกสนาน
|
ภาคเหนือ เป็นการฟ้อนหรือร่ายรำ ที่แสดงถึงความอ่อนช้อย
เช่น ฟ้อนเทียน ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเจิง ฟ้อนเงี้ยว ฟ้อนดาบ
ละครซอ ตบมะผาบ
ฟ้อนเทียน
เป็นการแสดงเพื่อสักการะบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพิธีสำคัญๆ
ในคุ้มเจ้าหลวง ลักษณะการรำ มือถือเทียนจุดไฟก้าวเท้าเรียงตามกันช้าๆ
เพื่อไม่ให้เทียนดับใช้ฟ้อนเวลากลางคืน
|

|
ปัจจุบันนี้
มหรสพไทยหลายๆ ชนิดกลับหาดูได้ยากขึ้น ในขณะที่ชาวต่างชาติต่างตื่นตาตื่นใจและชื่นชมในความงดงาม
ถึงเวลาที่เราจะมาช่วยกันสืบสานการแสดงเหล่านี้ ให้คงอยู่คู่บ้านเมืองเราตลอดไป

|