โกลเดน รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)
เป็นมิตร ฉลาด ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ
|
ปั๊ก (Pug) ฉลาด
ชอบแสดงออก ไม่เข้าใกล้คนแปลกหน้า
|
เยอรมัน
เชพเพิร์ด (German Shephera) ฉลาด กล้าหาญ มีจิตใจมั่นคง
ไม่ตื่นตกใจง่าย
|
เชาว์-เชาว์
(Chow-Chow) ร่าเริง รักอิสระ ไม่ชอบสายจูง ชอบการเอาใจใส่
|
เซนต์เบอร์นาร์ด
(St. Bernard) กล้าหาญ อดทน ฉลาด เรียนรู้ได้ดี
|
ชิสุ
(Shih Tzu) ฉลาด สุภาพเรียบร้อย ซื่อสัตย์
|
ลาบราดอร์
รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retrieve) สงบ เงียบขรึม ฉลาด ซื่อสัตย์
รักเจ้าของ
|
ยอร์คไชร์
เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier) ฉลาด มั่นใจ ต้องการความรักจากเจ้าของ
|
ปอมเมอราเนียน
(Pomeranian) เป็นมิตร ว่องไว ใจสู้ ชอบเรียกร้องความสนใจ
ไม่กลัวสุนัขใหญ่
|
ค็อกเกอร์
สเปเนียล (Cocker Spaniel) ฉลาด คล่องแคล่ว ร่าเริง เป็นมิตร
เอาใจเก่ง
|
บางแก้ว
(Bang-Keaw) เลี้ยงง่าย ซื่อสัตย์ กล้าหาญ หวงแหน ปกป้องเจ้าของ
|
พูเดิล
(Poodle) รักสะอาด ฉลาด ชอบเลียนแบบ ชอบให้เอาใจ
|
|
การอาบน้ำสุนัข
: ก่อนอาบน้ำสุนัข ควรมีการแปรงขนเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและขนหมดอายุที่ติดอยู่
จากนั้นให้ใช้สำลีอุดหูสุนัข เพื่อป้องกันน้ำเข้าหู ค่อยๆ
ราดน้ำลงบนตัวสุนัขใช้แชมพูที่ไม่ระคายเคืองตาฟอกให้ทั่วตัวก่อน
แล้วจึงค่อยฟอกบริเวณหัวสุนัข ระวังอย่าให้แชมพูเข้าตาและปาก
หลังการล้างแชมพูด้วยน้ำสะอาด ควรเช็ดขนสุนัขให้แห้งมากที่สุด
เพื่อป้องกันสุนัขสะบัดน้ำ ถ้าขนสุนัขแห้งและแข็งมาก ควรใช้แชมพูปรับสภาพเพื่อให้ขนนุ่มสลวย
|
การให้อาหารสุนัขอย่างถูกต้อง
: เจ้าของสุนัขควรมีการฝึกสุนัขให้กินอาหารที่จัดไว้ให้เท่านั้น
ปกติควรให้อาหารวันละ 1-2 มื้อ ถ้าสุนัขอ้วนเกินไป ควรลดปริมาณแคลอรี่ของอาหารหรือเพิ่มการออกกำลังกาย
ถ้าสุนัขเบื่ออาหารควรพาไปพบสัตวแพทย์ ถ้าพบว่ามีสุขภาพปกติ
ควรแก้ไขโดยการให้อาหารวันละ 2 มื้อ ตั้งไว้สักพักหนึ่งแล้วยกออก
โดยไม่ต้องสนใจว่าสุนัขจะกินอาหารหรือไม่ ซึ่งในที่สุดสุนัขก็จะเรียนรู้และกินอาหารตามที่จัดไว้อย่างไม่มีเงื่อนไข
|
|
|
การตัดเล็บสุนัข
: ก่อนการตัดเล็บสุนัข ให้ตรวจนิ้วทั้ง 4 ขาของสุนัข โดยการจับนิ้วให้แยกจากกันและตรวจดูระหว่างนิ้ว
เช็ดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วด้วยสำลีชุบน้ำ
จากนั้นจึงตัดเล็บด้วยความระมัดระวัง ตะไบปลายเล็บให้เรียบ
ในการตัดเล็บจะต้องไม่ตัดลึกถึงบริเวณที่เห็นเป็นสีชมพู
เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเลือดและเส้นประสาท ถ้าไม่แน่ใจควรให้สัตวแพทย์เป็นผู้ตัดเล็บให้
|
ความต้องการน้ำในแต่ละวันของสุนัข
: ในแต่ละวันสุนัขสูญเสียน้ำได้หลายทางคือ ปัสสาวะ อุจจาระ
และจากเหงื่อที่ออกมาบริเวณฝ่าเท้า ถ้าสุนัขขาดน้ำเกิน
48 ชั่วโมง จะเกิดสภาพการขาดน้ำอย่างถาวร อาหารกระป๋องโดยทั่วไปจะประกอบด้วยน้ำ
3 ใน 4 ส่วน แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของสุนัข
โดยควรมีการจัดเตรียมน้ำสะอาดให้สุนัขกินได้ตลอดเวลา ถ้าพบว่าสุนัขดื่มน้ำมากผิดปกติ
ควรปรึกษาสัตวแพทย์เนื่องจากสุนัขอาจมีความผิดปกติในร่างกาย
|
|
|
การให้ยาสุนัข
: เมื่อถึงเวลาป้อนยา เจ้าของควรเดินไปหาสุนัขเอง ไม่ควรเรียกสุนัขมาหาเพื่อป้อนยา
เนื่องจากในการเรียกสุนัขครั้งต่อไป อาจทำให้สุนัขไม่ยอมมาหา
โดยในการป้อนยาเม็ดให้สุนัขนั่งลงแล้วใช้มื้ออ้าปากสุนัข
วางยาเม็ดบนลิ้นให้ลึกที่สุดเท่าที่จะสอดถึงแล้วปิดปากสุนัขไว้จับหน้าแหงนขึ้นเล็กน้อย
ใช้มือลูบลำคอลงจนกระทั่งสุนัขแลบลิ้นออกมาเพื่อเลียริมฝีปาก
แสดงว่าได้กลืนยาแล้ว กรณีสุนัขไม่ยอมกินยาเม็ด อาจใช้ยาน้ำหรือบดยามห้ละเอียดผสมน้ำเชื่อมป้อนด้วยกระบอกฉีดยา
โดยสอดเข้าด้านข้างของช่องปาก
|
การปฐมพยาบาลสุนัขเบื้องต้น
: เจ้าของสุนัขควรมีการศึกษาวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและอันตรายให้ลดลง
กรณีที่สุนัขไม่รู้สึกตัว วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นคือ ให้จับสุนัขอ้าปากแล้วดึงลิ้นออกมาไม่ให้ขวางหลอดลม
และตรวจการเต้นของหัวใจ โดยใช้มือกดบริเวณอก หลัง ข้อศอก
ปกติสุนัขพันธุ์ใหญ่หัวใจจะเต้น 50-90 ครั้งต่อนาที ถ้าเป็นสุนัขพันธุ์เล็กหัวใจจะเต้น
150 ครั้งต่อนาที ถ้าสุนัขมีการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
ควรรีบนำส่งสัตวแพทย์
|
|
|
การรักษาหูและตาของสุนัข
: กรณีสุนัขมีปัญหาโรคตาหรือหูอีกครั้ง ไม่ควรใช้ยาเดิมโดยไม่ได้ปรึกษาสัตวแพทย์
ถึงแม้จะมีอาการใกล้เคียงกับอาการครั้งก่อน เพราะการใช้ยาผิดอาจทำให้โรคลุกลามมากขึ้น
โดยปกติในการรักษาโรคหูหรือโรคตาจะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าตาหรือหูของสุนัขเป็นปกติแล้ว ก่อนหยุดให้ยาควรมีการปรึกษาสัตวแพทย์
เนื่องจากอาจต้องให้ยาต่อเนื่องสักระยะ เพื่อป้องกันการกลับมาของโรคอีก
|
พยาธิภายนอก
(เห็บและหมัด) : แม้สุนัขตัวโปรดของคุณจะสะอาดเพียงใด
ก็อาจพบเห็บและหมัดได้ เนื่องจากเห็บและหมัดสามารถปรับตัวอยู่บนสัตว์อื่นๆ
ได้ดี จึงมีโอกาสที่สุนัขของคุณจะติดเห็บและหมัดได้ วิธีป้องกันคือ
หมั่นทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมของสุนัข เช่น พรมและที่นอนอย่างสม่ำเสมอ
กรณีตรวจพบเห็บและหมัดในตัวสุนัขเพียงเล็กน้อย ให้ใช้ปากคีบจับและหมุนออก
แต่ถ้ามีปริมาณมากให้กำจัดโดยใช้ยาสำหรับฆ่าเห็บและหมัด
โดยก่อนใช้ควรปรึกษาสัตวแพทย์
|
|
|
การฝึกสุนัขให้เชื่อฟัง
: สุนัขแต่ละพันธุ์และแต่ละตัวมีนิสัยที่แตกต่างกัน การฝึกจึงยากง่ายไม่เหมือนกัน
อายุสุนัขที่เหมาะสำหรับเริ่มต้นการฝึกอย่างจริงจัง คือ
6 เดือน โดยการฝึกสุนัขต้องมีความอดทน ความพยายาม และความตั้งใจอย่างมาก
ทั้งของผู้ฝึกและตัวสุนัขเอง เจ้าของสุนัขที่ไม่มีประสบการณ์
ควรให้สุนัขได้รับการฝึกจากครูฝึกสุนัขที่เชี่ยวชาญ
|
การดูแลสุนัขตั้งท้อง
: สุนัขช่วงตั้งท้องควรได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
ปกติสุนัขจะตั้งท้องประมาณ 58-63 วัน โดยในระยะกลางของการตั้งท้อง
ควรเพิ่มปริมาณอาหารมากขึ้น 10% และเพิ่มขึ้นเป็น 30%
หลังสุนัขคลอด และควรให้แม่สุนัขได้รับปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่สมดุล
ก่อนใกล้คลอดควรตัดขนรอบช่องคลอดและเต้านมให้สั้นลง เช็ดทำความสะอาดหัวนม
ที่สำคัญขณะสุนัขตั้งท้องควรหมั่นแปรงขนให้อย่างสม่ำเสมอ
เพื่อสร้างความคุ้นเคยและจะได้ยอมรับการช่วยทำคลอด
|
|
|
การดูแลสุนัขพันธุ์ขนสั้น
: สุนัขที่มีขนสั้นอาจไม่ต้องดูแลมาก แต่เพื่อให้สุนัขมีขนที่สะอาด
ปราศจากรังแค เจ้าของสุนัขจึงควรดูแลเอาใจใส่เป็นประจำ
โดยเริ่มจากใช้แปรงพิเศษที่เรียกว่า "สลิกเกอร์"
แปรงขนเพื่อไม่ให้ขนพันกัน จากนั้นแปรงขนทั่วตัวอีกครั้งด้วยแปรงขนสัตว์
เพื่อกำจัดขนที่หมดอายุและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ ขณะแปรงขนให้ตรวจดูว่ามีเห็บและหมัดหรือไม่
ส่วนขนบริเวณหางและขาสุนัขให้ใช้ทวีซี่ละเอียดแปรง และเล็มขนที่ขึ้นไม่เป็นระเบียบออก
|
การดูแลสุนัขพันธุ์ขนยาว
: สุนัขที่มีขนยาว ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพื่อขนที่ดูสวยงามอยู่เสมอ
โดยเริ่มจากใช้แปรงสลิกเกอร์ค่อยๆ สางขนที่พันกันให้คลี่ออกอย่างนุ่มนวล
แล้วแปรงขนซ้ำอีกครั้งด้วยแปรงขนหมุด จากนั้นให้ใช้หวีด้ามตรงที่มีซี่กว้างหวีอีกครั้งหนี่งในช่วงขาสุนัขที่มีขนยาว
พร้อมกันนี้ให้ตัดขนที่ยาวบริเวณข้อขาและรอบเท้า โดยเฉพาะขนระหว่างนิ้วซึ่งเป็นบริเวณที่สิ่งสกปรกมักเข้าไปสะสม
ทำให้เกิดการระคายเคือง
|
|